วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลน เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จังหวัดชลบุรี








  ประวัติความเป็นมา
ลักษณะทางภูมิประเทศที่เป็นชายฝั่งทะเล ชลบุรีจึงเป็นจังหวัดหนึ่งซึ่งในอดีตเคยมีพื้นที่ป่าชายเลนมากแห่งหนึ่งของประเทศไทยแต่ปัจจุบันแทบจะไม่หลงเหลือให้เห็นมากนัก เนื่องจากถูกทำลายจากคนที่อยู่อาศัยทั้งทิ้งขยะลงทะเล และการปล่อยน้ำเสียของโรงงานอุตสาหกรรมโดยไม่คำนึงถึงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีความสำคัญ
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนในอดีตซึ่งมีความสำคัญมาก จังหวัดชลบุรีจึงได้จัดทำยุทธศาสตร์การฟื้นฟูและอนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลน และก่อตั้งศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จังหวัดชลบุรีขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2544  เพื่อเป็นการอนุรักษ์ป่าชายเลนพื้นที่กว่า 300 ไร่และเพื่อให้ชาวชลบุรีและนักท่องเที่ยวได้มีโอกาสมาสัมผัสและศึกษาธรรมชาติของป่าชายเลนได้จากสถานที่จริงอย่างใกล้ชิดและถือได้ว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศตามแผนแม่บทของการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ พ.ศ. 2541-2546 ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมศูนย์ศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากภาครัฐและเอกชน และได้เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547  พร้อมกันนั้น ทางศูนย์ฯยังได้มีโอกาสถวายการต้อนรับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีที่ทรงเสด็จมาเยือนเป็นการส่วนพระองค์ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2549




   ข้อมูลทั่วไป
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลน เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จังหวัดชลบุรีตั้งอยู่ที่ หมู่ 3 ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรีเป็นผืนป่าชายเลนที่สมบูรณ์ที่สุดและผืนสุดท้ายของชลบุรี มีเนื้อที่ 300 ไร่เปิดดำเนินการโดยความร่วมมือของกรมป่าไม้และองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีสำนักงานป่าไม้จังหวัดได้จัดตั้งศูนย์ฯ ขึ้นเพื่ออนุรักษ์ป่าชายเลนและให้เป็นแหล่งเรียนรู้แก่ประชาชนมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ที่ยาว 2,300 เมตรซึ่งยาวที่สุดในประเทศไทยตลอดเส้นทางความยาว 2,300 เมตรบนสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติของศูนย์ฯ  จะได้พบเห็นความหลากหลายทางธรรมชาติของป่าชายเลนไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไม้ป่าชายเลนและสัตว์น้ำหลากหลายชนิด ระหว่างทางจะมีศาลาชีวภาพใต้น้ำ สะพานแขวน และมีบอร์ดให้ความรู้เกี่ยวกับป่าชายเลนเป็นระยะๆนักท่องเที่ยวจะได้รับทั้งความรู้และความเพลิดเพลินศูนย์ศึกษาธรรมชาติปาชายเลนแห่งนี้อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้ป่าชายเลนหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น โกงกางใบใหญ่โกงกางใบเล็ก ตะบูนดำ ตะบูนขาว แสมดำ แสมขาว โปรงแดง โปรงขาว ลำพูนและพืชอีกหลายชนิด นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำอีกหลากหลายชนิด ได้แก่กุ้งกุลาดำ กุ้งแชบ๊วย หอยนางรม หอยแครง ปูก้ามดาบ ปูแสม ปลานวลจันทร์ปลากะพงขาว ปลาตีน และนกอีกนานาชนิด





   จุดเด่นหรือสิ่งที่น่าสนใจ
หลายคนอาจจะเคยสัมผัสกับศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนแห่งอื่นๆที่สามารถเดินเข้าชมและศึกษาธรรมชาติได้เช่นกันแต่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ มีลักษณะเด่นที่นอกจากจะอยู่ใกล้ชุมชนเมืองซึ่งเดินทางไปมาได้สะดวกแล้วยังมีสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งยาวถึง 2,300 เมตร โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลจำนวน 18 ล้านบาทเพื่อสร้างทางเดินศึกษาธรรมชาตินี้และนอกจากนี้ยังได้รับงบประมาณสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีอีก 1 ล้าน 7 แสนบาท เพื่อปรับปรุงบริเวณด้านหน้าให้เป็นสวนสุขภาพและทำราวเชือกสะพานเพื่อป้องกันอันตรายสำหรับผู้ที่เข้าศึกษาแหล่งท่องเที่ยว โดยอยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี
เหมาะสำหรับ
เด็ก, เยาวชน, ผู้ใหญ่, ครอบครัว, เที่ยวคนเดียว, เที่ยวเป็นกลุ่ม
·       กิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยว
  • เดินศึกษาธรรมชาติของป่าชายเลนบนสะพานไม้ยาว 2,300 เมตร
  • ช่วยกันอนุรักษ์และร่วมกันปลูกป่าชายเลนเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนให้อุดมสมบูรณ์
·         เวลาทำการ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30 - 17.30 น.
·         ค่าธรรมเนียม/ค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าธรรมเนียม-ค่าเข้าชม
·         ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติม
·         ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลน เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จังหวัดชลบุรี
222 หมู่ที่ 3 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี
โทรศัพท์/โทรสาร: 038-398-268 (ในเวลาราชการ)
มือถือ: 085-1015488
โทรสาร: 038-398-298
สามารถติดต่อทางศูนย์ล่วงหน้าเพื่อขอเข้าชมโดยมีวิทยากรบรรยายให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับป่าชายเลน ตลอดเส้นทางการศึกษาธรรมชาติอย่างละเอียด
หน่วยงาน/บริษัท นักเรียน นิสิตนักศึกษา มาเป็นหมู่คณะ ให้ทำหน้งสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี ส่งแฟกซ์มายังเบอร์ 038-398268 ล่วงหน้าก่อน 5 วันทำการ
ภูมิประเทศจังหวัดชลบุรี
·       ลักษณะภูมิประเทศ                                                                                                                 
       จังหวัดชลบุรีมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 4,363 ตารางกิโลเมตร เป็นลำดับที่ 51 ของประเทศ หรือประมาณ 2,726,875 ไร่ โดยพื้นที่เป็นภูเขา พื้นที่ราบลุ่ม และที่ราบติดชายฝั่งทะเล รวมทั้งเกาะใหญ่น้อยอีกมากมาย                                    
·       สภาพภูมิอากาศ                                                                                                                      
      จังหวัดชลบุรี โดยทั่วไป ฤดูร้อน ไม่ร้อนจัด ฤดูหนาวอากาศไม่แห้งแล้งมาก มีฝนตกชุก สลับกับแห้งแล้ง บริเวณใกล้ภูเขามีฝนตกมากกว่าบริเวณชายทะเล ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบมรสุมเมืองร้อน แบ่งฤดูกาลออกเป็น 3 ฤดู สภาพอากาศ ของจังหวัดชลบุรีแบ่งได้เป็น 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 18.7 - 35.4 องศาเซลเซียส ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงเดือนตุลาคม อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 22.1 - 33.9 องศาเซลเซียส และ ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 12.9 - 30.4 องศาเซลเซียส                                              
     ที่ตั้งและอาณาเขต                                                                                                                                 
     จังหวัดชลบุรีตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศไทย หรือริมฝั่งทะเลด้านตะวันออกของอ่าวไทย มีระยะห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางทิศตะวันออก ตามทางหลวงแผ่นดินสายบางนา-ตราด ประมาณ 81 กิโลเมตร เนื้อที่รวมทั้งจังหวัดประมาณ 4,363 ตารางกิโลเมตร หรือ 2,726,875 ไร่
     จังหวัดชลบุรี มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
     ทิศเหนือ  ติดกับจังหวัดฉะเชิงเทรา
     ทิศตะวันออก  ติดกับจังหวัดฉะเชิงเทรา
     ทิศใต้  ติดกับจังหวัดระยอง
     ทิศตะวันตก ติดกับฝั่งทะเลตะวันออกของอ่าวไทย                                                                            ทรัพยากรอากาศ                                                                                                                     ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดชลบุรี ได้แก่ ทรัพยากรทางทะเล ป่าไม้ และสถานที่ท่องเที่ยว ส่วนการทำเหมืองแร่ปัจจุบันมีน้อยมาก จังหวัดชลบุรีไม่มีแม่น้ำไหลผ่าน คงมีแต่ลำคลองและอ่างเก็บน้ำที่ก่อสร้างขึ้นโดยอาศัยน้ำฝน ทำให้ขาดแคลนน้ำเพื่อการเพาะปลูก ขณะเดียวกันโอกาสที่จะพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการชลประทานทำได้ยากเพราะสภาพภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวย กรมทรัพยากรธรณีได้สำรวจแห่งน้ำใต้ดินพบว่า ปริมาณน้ำโดยทั่วไปของจังหวัดชลบุรี มีปริมาณ 10-100 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง แต่เป็นน้ำกร่อยหรือน้ำเค็ม
การเดินทางจากกรุงเทพฯมาจังหวัดชลบุรี
ชลบุรีอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 80 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่จังหวัดชลบุรีได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง และรถไฟ
·       โดยรถไฟ
การรถไฟแห่งประเทศไทยมีบริการรถไฟออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ไปยังจังหวัดชลบุรีทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง-3 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 หรือ www.railway.co.th
·       โดยรถยนต์
จากกรุงเทพฯ สามารถไปได้ 4 เส้นทาง คือ
1. ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (สุขุมวิท) ผ่านจังหวัดสมุทรปราการ เข้าสู่จังหวัดชลบุรี
2. ใช้ทางหลวงหมายเลข 34 (บางนา-บางปะกง) และทางหลวงหมายเลข 3 (สุขุมวิท) จนถึงอำเภอเมืองฯ จังหวัดชลบุรี
3. ใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-ชลบุรี หรือมอเตอร์เวย์)
4. ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา อำเภอบางปะกง จนบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 3 (สุขุมวิท) เข้าสู่จังหวัดชลบุรี
·       โดยรถประจำทาง
มีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน  สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี ออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออกหรือเอกมัย ถนนสุขุมวิท และสถานีขนส่งสายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ หรือหมอชิต 2 ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 www.transport.co.th

            ปัจจุบันบริษัท ขนส่ง จำกัด ได้เปิดให้บริการจองตั๋วรถโดยสารออนไลน์แล้ว ติดต่อได้ที่ www.thaiticketmajor.com นอกจากนี้ยังสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ไทยรูท ดอทคอม
www.thairoute.com

การเดินทางภายในชลบุรี
ในตัวจังหวัดชลบุรีมีรถชนิดต่างๆ ให้บริการ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการยานพาหนะต่างๆ ได้หลายรูปแบบตามความเหมาะสม

รถสองแถว มีวิ่งบริการจากสถานีขนส่งไปยังที่ต่างๆ ในตัวเมือง นักท่องเที่ยวอาจเหมารถสองแถวไปเที่ยวได้ทั้งในเมืองและต่างอำเภอ คิดราคาวันละ 1,000-2,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางและการต่อรอง

รถสามล้อเครื่องและมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จอดอยู่ตามจุดต่างๆ ในจังหวัด เช่น หน้าตลาดเทศบาล หน้าสถานีขนส่ง ค่าบริการมีทั้งแบบตกลงกันตามแต่ระยะทางและแบบเหมาจ่าย

การเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะสีชังที่สะดวกที่สุดคือเช่ารถสามล้อเครื่องจากท่าเทียบเรือ ค่าเช่ารถคิดเป็นรอบ รอบละประมาณ 150-250 บาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและระยะทาง

บริเวณท่าเรือเกาะลอยศรีราชา มีบริการเรือโดยสารไป-กลับเกาะสีชัง ทุกวัน โดยแวะจอดที่เกาะขามใหญ่ด้วย เรือออกทุกชั่วโมง จากท่าเรือเกาะลอยตั้งแต่เวลา 07.00-20.00 น. และจากเกาะสีชังกลับมายังฝั่งศรีราชาตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00-20.00 น. ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 45 นาที อัตราค่าโดยสารคนละ 40 บาท
ระยะทางจากอำเภอเมืองชลบุรีไปยังอำเภอต่างๆ คือ
อำเภอบ้านบึง 14 กิโลเมตร
อำเภอพานทอง 20 กิโลเมตร
อำเภอพนัสนิคม 22 กิโลเมตร
อำเภอศรีราชา 24 กิโลเมตร
อำเภอเกาะสีชัง 39 กิโลเมตร
อำเภอบางละมุง 48 กิโลเมตร
อำเภอหนองใหญ่ 51 กิโลเมตร
อำเภอบ่อทอง 56 กิโลเมตร
อำเภอสัตหีบ 84 กิโลเมตร



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น